หมอเงิบแล้ว !! วิจารณ์นร.โดน ครูโหด ปาแก้วหน้าเบี้ยวแค่ป่วย ล่าสุดยอมรับน้องไม่ผิดแบบนี้ !??



หมอเพจดังวิพากษ์ น้องทราย เหยื่อ ครูโหด ปาแก้วกระแทกหน้าจน หน้าเบี้ยว ต้องผ่าตัด อ้างน้องป่วย ไม่เกี่ยวกับครูทำร้าย ล่าสุดโร่ขอโทษ ระบุโพสต์โดยใช้อารมณ์ ความต้องการส่วนตัว และอคติ และได้ปิดเพจไปเรียบร้อยแล้ว ทนายดังอัดเละ ไม่เคยซักอาการ ไม่เคยตรวจ ยืนยันผล 3 รพ. ระบุ บาดเจ็บเพราะของแข็งกระแทก ไม่ได้ป่วย ชี้เพจหมอทำคนเข้าใจผิด สร้างกระแสสังคมเชิงลบ

ดรามาร้อนๆ กรณีที่ น้องทราย นางสาวนฤดี จอดสันเทียะ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ที่ถูก นายไพฑูรย์ แกลงกระโทก อายุ 58 ปี ครูวิชาพละศึกษาของโรงเรียนขว้างปาถ้วยแก้วเซรามิคใส่บริเวณใบหน้าจนบวมช้ำ ส่งผลให้ต่อมามีอาการหน้าเบี้ยว ยิ้มแล้วปากอีกด้านหนึ่งไม่ขยับตา หลับตาแล้วตาปิดไม่สนิท จนเกิดกระแสสังคมนั้น ที่เพจหนึ่งที่ระบุว่าเป็นหมอ ได้วิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าว โดยระบุในเชิงว่า อาการของน้องทราย ไม่น่าจะเกี่ยวกับการถูกครูทำร้าย แต่น่าจะเกิดจากโรค bells palsy (หรือโ รคอัมพาตเบลล์ หรือ โรคใบหน้าเบี้ยว หรือ โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก) ทำให้ชาวเน็ตจำนวนหนึ่ง เปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเริ่มมองผู้เสียหายในแง่ลบ

ล่าสุด ทนายความคนดัง เกิดผล แก้วเกิด  ผู้อาสาเข้ามาช่วยน้องทรายตั้งแต่ทราบเรื่อง ได้เปิดเผยทางโทรศัพท์กับทีมข่าว Truelife.com  ถึงข้อเท็จจริง ยืนยันว่าผลการตรวจจาก 3 โรงพยาบาล ยืนยันตรงกันว่า อาการของน้องทราย เกิดจากการถูกกระทบของของแข็งไม่มีคม จนเส้นประสาทอักเสบ และล่าสุด หมอคนดังกล่าว ก็ได้ส่งข้อความมาขอโทษ รวมทั้งได้โพสต์ยอมรับในเพจของตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้ตนเข้าไปหาเพจของหมอคนดังกล่าว ปรากฎว่าหาไม่พบเสียแล้ว  โดย เฟซบุคแฟนเพจ  เกิดผล แก้วเกิด  โพสต์ระบุว่า

จากกระแสข่าว กรณีน้องทรายถูกครูพละ ปาแก้วใส่หน้าจนปากเบี้ยว ผลการตรวจทางการแพทย์ ทั้ง 3 โรงพยาบาล วินิจฉัยว่า ถูกกระทบจากของแข็งไม่มีคม จนเส้นประสาทอักเสบ การตรวจดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐาน วิชาชีพทางการแพทย์ แต่มีหมอบางคน ตั้งข้อสังเกตุว่าเกิดจากโรคไม่ใช่จากการถูกกระแทกด้วยของแข็ง น่าจะเกิดจากโรค Bells Palsy ซึ่งการออกมาวิเคราะห์ดังกล่าว โดยที่ตนเองไม่เคยซักอาการ และตรวจสภาพร่างกายผู้ป่วย แต่กลับวิพากษ์ ในลักษณะชี้นำสังคม ส่วนตัวผม มองว่า  1.เป็นการวิจารณ์ซึ่งปราศจากข้อมูลที่แท้จริง 2.เป็นการวิจารณ์ ที่ดูหมิ่นเกียรติวิชาชีพทางการแพทย์ ของแพทย์ผู้ทำการรักษาคนไข้ด้วยความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ 3.เป็นการดูหมิ่นผู้ป่วย  แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลัง หมอคนดังกล่าว ก็ได้ ส่งข้อความมาขอโทษน้องทราย อ้างว่า เป็นการเข้าใจผิดเข้าทำนอง ตบหัวบนศาลา มาขอขมาที่บ้าน   อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจของหมอคนดังกล่าว ได้โพสต์ยอมรับผิดและขอโทษแล้ว ว่าเป็นการโพสต์โดยใช้อารมณ์ ความต้องการส่วนตัว และอคติ และได้ปิดเพจไปเรียบร้อยแล้ว ที่มาhttp://www.siamdrama.com/view-1178.html
Share on Google Plus

About Unknown

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น